ทำไมอาหารเสริมแบบ Ready to Drink (Liquid) ถึงดีกว่าแบบอื่น

เมื่อสำรวจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ในท้องตลาดปัจจุบัน จะพบว่ามีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกมาหลากหลายรูปแบบ แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซี ก็มีทั้ง รูปแบบเม็ด แคปซูล แบบผง และแบบน้ำพร้อมดื่ม ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการดูดซึมแตกต่างกันไป ทั้งผู้ที่สนใจรับประทานอาหารเสริม และผู้ที่สนใจผลิต สร้างแบรนด์อาหารเสริม ต้องทำความเข้าใจ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบต่างๆ ทั้ง ข้อดี ข้อเสีย และไขข้อสงสัยว่าทำไม อาหารเสริมรูปแบบน้ำ หรือ Ready to Drink ถึงดีกว่าแบบอื่นๆ

ทำความรู้จัก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary supplements) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรับประทาน จัดเป็นอาหารตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ผู้บริโภคที่มีสุขภาพปกติ (มิใช่ผู้ป่วย) ใช้รับประทานโดยตรง นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติ โดยคาดหวังทางด้านส่งเสริมสุขภาพเท่านั้น โดยจะมีสารอาหารหรือสารอื่นเป็นองค์ประกอบ อยู่ในรูปแบบเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด หรือของเหลว

สารอาหาร หรือสารอื่น หมายถึง

  1. วิตามิน กรดอะมิโน กรดไขมัน แร่ธาตุ และผลิตผลจากพืชหรือสัตว์
  2. สารเข้มข้น สารเมตาโบไลท์ ส่วนประกอบ หรือสารสกัดของสารใน (1)
  3. สารสังเคราะห์เลียนแบบสารตาม (1) หรือ (2)
  4. ส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างของสารใน (1) (2) หรือ (3)
  5. สารหรือสิ่งอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาหาร

หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ อาจเรียกว่า อาหารเสริม หรืออาหารเสริมสุขภาพ โดยการเสริม วิตามิน หรือสารอาหาร โดยการรับประทาน ให้ร่างกายดูดซึมสารต่างๆ และนำไปใช้ประโยชน์จากสารเหล่านั้นนั่นเอง ซึ่งความสามารถในการดูดซึม ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของอาหารเสริม ทั้งผู้บริโภค และผู้ผลิตจึงต้องทำความเข้าใจ และเลือกรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

* ข้อคำนึง ก่อนเลือก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ก่อนเลือก ผลิตอาหารเสริม จะต้องพิจารณาจากส่วนผสมที่ออกฤทธิ์เป็นหลัก เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด การพิจารณาต่างๆ ต้องคำนึงถึง ทั้ง การดูดซึมของสารออกฤทธิ์ที่ร่างกายดูดซึม ความต้านทานต่อระบบทางเดินอาหาร เวลาในการปลดปล่อยสารอาหาร ความสม่ำเสมอในการรับสาร เป็นต้น

8 รูปแบบ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่นิยมในท้องตลาด

ตามที่กล่าวไปแล้วว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพที่มีสารอาหาร หรือวิตามิน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีหลากหลายรูปแบบ ที่เรามักพบเห็นในท้องตลาด มี 8 รูปแบบ ดังนี้

1. Ready to Drink (ชนิดน้ำพร้อมดื่ม)
22

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำ จะอยู่ในรูปแบบพร้อมดื่ม มักจะมาในรูปแบบขวด จุดเด่นของอาหารเสริมชนิดน้ำ คือ ไม่จำเป็นต้องใช้สารตัวเติมหรือสารยึดเกาะเพื่อให้คงตัวเหมือนรูปแบบเม็ด จึงทำให้สามารถใส่สารอาหารที่หลากหลายได้ง่ายกว่าแบบเม็ด อีกทั้งยังรับประทานง่าย ไม่ยุ่งยาก เปิดขวดแล้วดื่มได้ทันที ไม่ต้องเตรียมน้ำดื่มเหมือนกินยาเม็ด และไม่ต้องหาภาชนะสำหรับผสมน้ำเหมือนผงชงดื่ม

ข้อดี: ร่างกายยังดูดซึมได้รวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องรอตัวยาสลายตัวเหมือนชนิดเม็ด และยังไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังง่ายต่อการรับประทาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนอาหาร หรือผู้ที่กลืนยายาก

ข้อเสีย: ระยะเวลาการเก็บรักษาจะสั้นกว่า เมื่อเปิดแล้วควรดื่มให้หมดทันที และอาจมีรสชาติเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับสารอาหาร หรือวิตามินที่ผสม และรสชาติยังขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อหรือผู้ผลิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำพร้อมดื่ม สามารถผสมน้ำผลไม้ต่างๆ ได้

2. Capsule (แคปซูล)
23

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูล เป็นรูปแบบเม็ดแคปซูลที่มีปลอกสีสัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบมาจากเจลาติน หรือเรียกว่า Gelcaps (ปัจจุบันสามารถผลิตจากพืชได้แล้ว เรียกว่า Veggie caps) บรรจุผงของส่วนผสมอาหารเสริม ซึ่งตัวแคปซูล เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย จะค่อยๆ ละลายทีละเล็กทีละน้อยตามเวลา ทำให้ผงของอาหารเสริมถูกปล่อยออกมาช้า 

ข้อดี: กลืนง่ายกว่าแบบเม็ดทั่วไป และจะไม่ได้สัมผัสรสชาติขมของสารอาหารเสริมโดยตรง

ข้อเสีย: โดยทั่วไปจะบรรจุส่วนผสมอาหารเสริมได้น้อยกว่าแบบเม็ด อายุการรักษาสั้นกว่าชนิดเม็ด เนื่องจากไวต่อความชื้น

3. Tablet (เม็ด)
24

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ด เป็นยาเม็ดแข็งที่ผลิตโดยการบีบอัดผงหรือเม็ดของสารออกฤทธิ์ โดยอาจมีสารเพิ่มปริมาณเป็นส่วนผสม หรือสารยึดเกาะ เพื่อช่วยในกระบวนการผลิต ยกตัวอย่างเช่น วิตามินซีชนิดเม็ด อาจมีส่วนประกอบเพิ่มเติม เช่น เซลลูโลส ซิลิกอนไดออกไซด์ แมกนีเซียมสเตียเรต และกรดสเตียริกเป็นต้น

ข้อดี: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ด สามารถใส่ส่วนผสมของอาหารเสริมที่มีความเข้มข้นได้ เนื่องจากใช้กระบวนการผลิตแบบบีบอัด ทำให้สามารถใส่สารอาหารได้มากกว่า เมื่อเทียบกับแคปซูลหรือซอฟต์เจล ในปริมาณ 1 เม็ดเท่ากัน อีกทั้งยังเก็บรักษาได้ยาวนานอีกด้วย

ข้อเสีย: มีรสชาติขม ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา อาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร

4. Softgel (ซอฟท์เจล)
25

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิด ซอฟท์เจล หรือ แคปซูลนิ่ม เป็นอาหารเสริมแบบเม็ดบรรจุของเหลวภายในแคปซูลที่ทำมาจากเจลาติน มีลักษณะคล้าย แคปซูล แต่เปลือกซอฟต์เจลจะมีความนิ่มและยืดหยุ่นกว่า

ข้อดี: ผิวของซอฟต์เจลมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันสารจากรังสียูวีและการเกิดออกซิเดชัน ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้มากกว่าของเหลวชนิดบรรจุขวด

ข้อเสีย: กระบวนการผลิตซอฟท์เจลมีความซับซ้อน ผิวซอฟต์เจลมักผลิตมาจาก เจลาตินจากสัตว์ จึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่ทานเนื้อวัว หรือเนื้อสัตว์ และโดยทั่วไปจะบรรจุส่วนผสมอาหารเสริมได้น้อยกว่าแบบเม็ด

5. Powder (ผงชงดื่ม)
26

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดผง คือ รูปแบบของสารอาหารที่ละลายในน้ำหรือของเหลวอื่นๆ เช่น ผงโปรตีน คอลลาเจน และไฟเบอร์ เป็นต้น เป็นรูปแบบผงสำหรับชงดื่ม สามารถใส่สารสกัดเข้มข้นได้หลายชนิด สะดวกกว่าอาหารเสริมในรูปแบบเม็ด ช่วยลดความจำเป็นในการรับประทานแคปซูล หรือยาเม็ดหลายๆ เม็ด ได้

ข้อดี: สารออกฤทธิ์จะสลายตัวก่อนการบริโภค ไม่ต้องรอย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่ารูปแบบเม็ด และสามารถเพิ่มสารต่างๆ ได้ง่ายในซองเดียว 

ข้อเสีย: อาจมีรสชาติไม่พึงประสงค์ ไม่สะดวกในการรับประทานเพราะต้องผสมน้ำก่อนดื่ม และสารละลายอาจละลายตัวได้ไม่หมด

6. Gummies
27

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบ เยลลี่ เม็ดเคี้ยว หรือขนม นิยมทำเป็นรูปหมี ถูกนำมาใช้ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 เพื่อเสริมสารอาหารให้กับผู้บริโภคที่ไม่ชอบทานยา โดยเฉพาะเด็ก โดยจะใช้ใส่วิตามิน แร่ธาตุ และผสมสารทดแทนน้ำตาลเพื่อให้มีรสชาติที่ถูกปาก

ข้อดี: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา มีรสชาติอร่อย ทานง่าย และน่าดึงดูด

ข้อเสีย: มักจะให้สารอาหารน้อยกว่าในความเข้มข้นที่ต่ำกว่า และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ และมักจะมีส่วนของเจลลาตินจากสัตว์

7. Energy Bar (อาหารเสริมอัดแท่ง)
28

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบ เอเนอร์จีบาร์ เป็นผลิตภัณฑ์อัดแท่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นต้น นิยมใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่เล่นกีฬา หรือต้องการพลังงานมาก

ข้อดี: สามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานมาก พกพาได้สะดวก และง่ายในการรับประทาน

ข้อเสีย: มักมีการแต่งกลิ่น สี และรสชาติ มักมีส่วนผสมของธัญพืชหลายชนิด อาจเสี่ยงต่อผู้ที่แพ้อาหารจำพวกถั่ว

8. Orally Disintegrating Tablets / Mouth Melt Powder (ผงกรอกปาก)
29

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบผงละลายในปาก สามารถฉีกซองและรับประทานได้เลย แบบไม่ต้องชงกับน้ำก่อน เป็นการทำอาหารเสริมให้อยู่ในรูปแบบเม็ดขนาดเล็ก สามารถแตกตัวและละลายในปากได้ภายใน 30-60 วินาที ไม่ว่าจะบนลิ้น ใต้ลิ้น หรือในโพรงกระพุ้งแก้ม

ข้อดี: สะดวก พกพาง่าย รับประทานง่ายไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา อีกทั้งร่างกายยังดูดซึมสารอาหารได้รวดเร็ว โดยจะดูดซึมได้ตั้งแต่ ช่องปาก ไม่ต้องรอย่อยที่กระเพาะอาหารเหมือนชนิดเม็ด

ข้อเสีย: อาจมีรสชาติขม เฝื่อน จากสารอาหารเข้มข้นที่สัมผัสลิ้นโดยตรง ทำให้มีรสชาติขมติดปาก อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ การเพิ่มปริมาณยายังมีข้อจำกัด และมีความซับซ้อนในการผลิตมากกว่าประเภทอื่น

ทำไม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบน้ำ จึงดีกว่า รูปแบบเม็ด

จากรูปแบบ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งหมดที่กล่าวมา จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือ แบบน้ำ และ แบบเม็ด ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบน้ำ มักจะมีความสามารถในการดูดซึมได้เร็วกว่า อีกทั้งยังรับประทานง่าย สะดวก จึงได้รับความนิยม

ข้อแตกต่าง ระหว่าง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบน้ำ vs รูปแบบเม็ด

จากการศึกษาทางการแพทย์ พบว่าสารสกัดที่เป็นของเหลว จะมีอัตราการดูดซึมที่เร็วกว่า มีอัตราการเพิ่มประสิทธิภาพที่สูงกว่า และย่อยได้ง่ายกว่ารูปแบบเม็ดและแคปซูล เนื่องจาก ร่างกายไม่จำเป็นต้องสลายสารสกัดที่เป็นของเหลว ทำให้สารสกัดมีประสิทธิภาพมากกว่าแคปซูลหรือยาเม็ด อีกทั้งยังสะดวกในการรับประทานกว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็กที่มักจะมีปัญหาในการกลืนยา

ประโยชน์ของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบน้ำ หรือ Ready to Drink

  • มีการอ้างอิงในงานวิจัยว่า ร่างกายสามารถดูดซึมสารสกัดในรูปแบบน้ำ ได้ถึง 98% เมื่อเทียบกับยาเม็ดหรือแคปซูล ที่ร่างกายดูดซึมได้เพียง 39-53%
  • Physician's Desk Reference แหล่งอ้างอิงที่ได้รับความเชื่อถือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า 85-90% ของสารอาหารในอาหารเสริมชนิดน้ำจะถูกดูดซึมภายใน 22 ถึง 30 วินาที ในขณะที่  แคปซูลหรือยาเม็ด จะต้องใช้เวลาในการแตกตัว ถึง 30 นาที ร่างกายจึงจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้

ConsumerLab ห้องปฏิบัติการในสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบการแตกตัวของยาเม็ดและแคปซูล และพบว่า มียาหลายตัวที่ไม่แตกตัวเลย หรือบ่อยครั้งที่แตกตัวเพียงบางส่วน ตัวอย่างเช่น ในปี 2560 มีการทดสอบวิตามินรวมจากสองบริษัทที่แตกต่างกัน พบว่าไม่สามารถแตกตัวได้อย่างสมบูรณ์หลังจากผ่านไป 30 นาที (เวลาที่กำหนดตามเภสัชตำรับของสหรัฐอเมริกา) และยังคงไม่สลายตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากผ่านไปอีก 30 นาที เป็นเหตุผลที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบน้ำ สามารถใส่สารสกัดได้มากกว่า เครื่องดื่มเสริมอาหาร Ready to Drink 1 ขวด สามารถบรรจุสารสกัดที่เข้มข้นได้มากกว่าชนิดเม็ดหรือแคปซูล
  • ร่างกายไม่จำเป็นต้องสลายสารสกัดที่เป็นของเหลว จึงไม่เสี่ยงต่อการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  • สะดวก ดื่มง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเหมือนแบบผงที่ต้องชงละลายน้ำก่อน
  • สามารถผสมน้ำผลไม้ เพื่อให้มีรสชาติที่อร่อย ดื่มง่ายยิ่งขึ้นได้

ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่ต้องคำนึงถึงรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว ผู้ผลิตเองก็ต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคจะเลือกรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อันดับแรก คือ ต้องรับประทานง่าย หรือกลืนง่าย รองลงมาเป็นเรื่องของราคา และรสชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปแบบ Ready to Drink พร้อมดื่ม จึงเป็นทางเลือกที่ทั้งตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด

เห็นได้จากผลตอบรับของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร AOVA คอลลาเจนสกัดเย็นจากหอยเป๋าฮื้อในน้ำทับทิมผสมเปปไทด์ ที่ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าอย่างดี เนื่องจากบรรจุในขวดพร้อมดื่ม แบบ Ready to Drink และมีรสชาติอร่อย ด้วยน้ำทับทิมเข้มข้น จากประเทศอิตาลี ดื่มง่าย ไม่คาว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและได้ผลดี การันตีด้วยผลงานวิจัยร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) และหลากหลายสถาบันชั้นนำระดับประเทศ

หากใครสนใจอยากทำอาหารเสริมแบบ Ready to Drink ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง สามารถติดต่อ AOVA เพื่อรับคำปรึกษาได้ เรามี OEM Service โรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามคุณภาพสูง มาตรฐานระดับสากล ด้วยมาตรฐาน ISO22000 , GMP , HACCP และ Halal พร้อมทั้งเครื่องจักรที่ทันสมัย และทีมงานเชี่ยวชาญ ทั้งในส่วน Lab และ โรงงาน ที่ทำงานกันมาอย่างยาวนานถึง 27 ปี จึงสามารถมั่นใจได้ว่า เราผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในมาตรฐานที่เชื่อถือได้ ให้กับลูกค้าทุกคน

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.aova.co.th/OEM